10 ข้อ การใช้สมุนไพรอย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อลงปอด

1. หากยังไม่มีโอกาสตรวจเชื้อ หรือมีอาการไม่สบาย (เจ็บคอ,มีไข้, ครั่นเนื้อตัวแม้ไม่มีไข้, ปวดศีรษะ, ปวดเมื่อยเนื้อตัว) ถ้าใช้ผงฟ้าทะลายโจรทั่วๆไป ให้สังเกตว่าขนาดแคปซูล เท่าไหร่ ให้ใช้ดังนี้

- ขนาด 400 มิลลิกรัม ให้ใช้ฟ้าทะลายโจร 4 เม็ดต่อครั้งและ 4 ครั้งต่อวันติดต่อกัน 5 วัน - ขนาด 500 มิลลิกรัม ให้ใช้ฟ้าทะลายโจร 3 เม็ดต่อครั้งและ 4 ครั้งต่อวันติดต่อกัน 5 วัน ปริมาณดังกล่าวนี้เป็นปริมาณต่ำสุดของไข้หวัดธรรมดา ที่ใช้ผงฟ้าทะลายโจร 6 กรัมต่อวัน ตามบัญชียาหลักแห่งชาติที่ใช้สำหรับคนไทยมา 20 กว่าปี จึงมีความปลอดภัย ไม่เกิดพิษเฉียบพลัน และพิษเรื้อรัง

สำหรับเด็กให้ลดทอนลงมาตามน้ำหนัก 6 กรัม/วัน (แคปซูล 400 มิลลิกรัม 16 แคปซูลต่อน้ำหนัก 50 กิโลกรัม) เช่น เด็กน้ำหนัก 25 กิโลกรัม จะเหลือ 3 กรัม/วัน ถ้าเด็กเล็กกลืนไม่ได้ให้ผสมน้ำผึ้งแล้วกวาดคอ ให้ตัวยาถึงเนื้อคอด้านใน

2. ถ้ายังมีอาการเจ็บคอ มีไข้ หรือครั่นเนื้อตัว แม้ไม่มีไข้, ปวดศีรษะ,ปวดเมื่อยเนื้อตัว หลังใช้ ฟ้าทะลายโจรไปแล้วในวันที่ 2 ไม่ดีขึ้น กดไข้ลงไม่ได้ ให้ทำการเพิ่มปริมาณ ฟ้าทะลายโจรเป็น 2 เท่าและติดตามผลไปอีก 3 วัน จนครบ 5 วัน หากไม่ดีขึ้นหรือมีอาการเริ่มหอบเหนื่อยหายใจยากให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดไม่เกินวันที่ 4 นับตั้งแต่เริ่มมีอาการ

3. ถ้าตรวจเชื้อแล้วพบว่า "ติดเชื้อ" ให้ใช้ฟ้าทะลายโจรให้เร็วที่สุด และปริมาณมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กล่าวคือ ถ้าผงฟ้าทะลายโจรขนาด 400 มิลลิกรัม ให้ใช้ฟ้าทะลายโจร 5 เม็ดต่อครั้ง และ 4 ครั้งต่อวัน ยกเว้นถ้ามีไข้ หรือเจ็บคอมาก ให้กินทุก 4 ชั่วโมง จนกว่าไข้จะลดลงในวันที่ 2 จึงลดลงมาเหลือ 5 เม็ดต่อครั้งและ 4 ครั้งต่อวัน และภายใน 2 วันไม่ดีขึ้น ไม่ว่าจะด้วยติดเชื้อมาก ภูมิคุ้มกันไม่ดี หรือขนาดยา ฟ้าะทะลายโจรไม่เพียงพอให้เพิ่มปริมาณเป็น 2 เท่าตัว หากภายใน 5 วันไม่ดีขึ้นให้รีบส่งตัวไปที่โรงพยาบาล

4. ถ้าตรวจเชื้อแล้วพบว่า "ติดเชื้อ"และมีอาการหอบเหนื่อย หายใจไม่สะดวกหรือวัดออกซิเจน แล้วต่ำกว่า 95% ให้สงสัยว่าอาจเกิดภาวะปอดอักเสบแล้วหรือเชื้อลงปอดแล้ว ลำพังฟ้าทะลายโจรอย่างเดียว จะไม่สามารถรักษาได้ จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลเร็วที่สุดโดยในระหว่างที่หาโรงพยาบาลไม่ได้ ก็ต้องอาศัยแพทย์แผนไทยผู้มีประสบการณ์ในการใช้ตำรับยา "ปอดพิการ"ตามตำรายาหลวงแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำรับยาอื่นที่เหมาะสมกับอาการต่อไป

5. สำหรับผู้ที่มีกินยาลดความดันโลหิตหรือยาละลายลิ่มเลือดแล้วไม่ป่วย จะต้องพิจารณาและตรวจสอบอย่างใกล้ชิดว่าจะต้องหยุดฟ้าทะลายโจร หรือหยุดยาลดความดันโลหิตหรือยาละลายลิ่มเลือด เพราะตัวยาเหล่านี้เสริมฤทธิ์ไปในทางเดียวกันหากเป็นเบาหวานจะต้องระวังด้วยว่ายาฟ้าทะลายโจรทำให้น้ำตาลลดลงดังนั้นผู้ที่ใช้ยาเบาหวานอยู่ จะต้องคอยวัดระดับน้ำตาลอย่างต่อเนื่องด้วยดังนั้นจึงจำเป็นต้องตรวจค่านำตาลและความดันโลหิตในกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ด้วย

6. สำหรับผู้ได้รับผลข้างเคียงจากฟ้าทะลายโจร หากเป็นกรณีที่ยังไม่ป่วย แต่ต้องการบำบัดรวมหมู่หรือรับประทานเพียงเพื่อลดความเสี่ยง (ยังไม่ได้ป่วย) อาจต้องกินพร้อมกับอาหารฤทธิ์ร้อนประคบตลอดทั้งวันรวมทั้งการดื่มน้ำขิง พริกไทย กระชายและอาหารเผ็ดร้อนอื่นๆ หากปวดศีรษะให้สังเกตตควบคู่ดูว่า เกิดอาการท้องผูกมากขึ้นหรือไม่และถ้าท้องผูกมากขึ้นให้กินยาระบาย

7. สำหรับบางคน(พบได้น้อย) ที่ใช้ฟ้าทะลายโจร อาจทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร มวนท้องท้องเดิน คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น อ่อนเพลีย กรณีมีอาการมากเมื่อหยุดยาก็จะหายเป็นปกติ

8. ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดอาการแพ้ ให้หยุดยาให้พบแพทย์หรือแพทย์แผนไทยและอาจเลี่ยงไปใช้กลุ่มสารสกัดกระชายแทน

9. ถ้ามีอาการหน้ามืดความดันต่ำให้นั่งหรือนอนพักอาการจะดีขึ้นใน 30 นาที

10. สำหรับโรคตับที่มีความกังวลนั้น พบว่าฟ้าทะลายโจรมีผลในการป้องกันและฟื้นฟูสภาพของตับ(Hepatoprotection) และใช้ในการรักษาโรคตับหลายชนิด ทั้งตับอักเสบจากไวรัส ไขมันพอกตับ ฯลฯอย่างไรก็ตามในกรณีการใช้ฟ้าทะลายโจรขนาดสูงและเป็นเวลานานเกินกว่าที่แนะนำ อาจทำให้มีการเพิ่มของเอนไซม์ของตับแต่อยู่ในระดับต่ำ ยังไม่พบรายงานการทำลายตับแต่ประการใด ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคตับจึงสามารถใช้ได้ ยกเว้นการใช้"สารสกัดแอนโดรกราโฟไลด์" หรือยาอื่นร่วมด้วยหลายชนิดหรือโรคของผู้ป่วย อาจมีผลต่อตับจำเป็นต้องวิเคราะห์ในโอกาสต่อไป

ข้อมูลจาก : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต

หากสนใจสั่งซื้อสารสกัดฟ้าทะลายโจร ขิง กระชายขาว ขมิ้นชัน หรือสนใจสกัดสมุนไพรอื่นๆ ติดต่อเราได้ที่เบอร์ 02-147-3062 / 093-004-2288 / 080-000-4994 เพิ่มเพื่อน